6 โรคฮิตในเด็กวัยเรียน และวิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เมื่อเข้าสู่วัยเรียน คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตเห็นได้ว่าหนูน้อยมักเจ็บป่วยบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังมีระบบภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์เต็มที่ ซึ่งสาเหตุสำคัญคือการติดเชื้อโรคที่แพร่กระจายจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน ระหว่างการทำกิจกรรมร่วมกัน
การที่ลูกป่วยบ่อยไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก แต่ยังกระทบต่อการทำงานของพ่อแม่ด้วย รวมถึงยังต้องเสียเงินทองในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีกมากมาย ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่พบบ่อยในวัยเรียนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้พ่อแม่สามารถป้องกันและหาทางเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกรักได้อย่างเหมาะสม
6 โรคที่พบบ่อยในวัยเรียน และการป้องกัน
เด็กวัยเรียนมักมีความเสี่ยงกับโรคแพร่ระบาดมากมาย ซึ่งที่พบได้เป็นส่วนใหญ่ มีดังต่อไปนี้
โรคโควิด-19
ถึงแม้สถานการณ์ทั่วโลกจะเริ่มคลี่คลาย แต่โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ยังคงเป็นหนึ่งโรคฮิตในเด็กที่ต้องเฝ้าระวัง แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงเท่าผู้ใหญ่ แต่ก็สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมแออัด อย่างเช่นที่โรงเรียน อาการที่พบได้แก่ มีไข้ ไอ น้ำมูก คัดจมูก และอ่อนเพลีย
สำหรับวิธีป้องกัน คือการสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยมือ รวมถึงควรฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์
โรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) สายพันธุ์ A, B และ C เป็นโรคในเด็กที่มักระบาดในช่วงฤดูหนาวและฝน โดยเด็กที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูงอย่างกะทันหัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไอแห้ง และเหนื่อยล้า อาการมักรุนแรงกว่าหวัดธรรมดาและใช้เวลาหายนานขึ้น
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี เป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมไปถึงลดอาการป่วยรุนแรงได้ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือหลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด หมั่นล้างมือสม่ำเสมอ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
โรคหวัดหรือหลอดลมอักเสบ
อีกหนึ่งโรคที่มักพบได้บ่อยในเด็ก คือโรคหวัดหรือหลอดลมอักเสบ มีสาเหตุมาจากไวรัสหลายชนิด เช่น ไรโนไวรัส (Rhinovirus) โคโรนาไวรัส (Coronavirus) และอดีโนไวรัส (Adenovirus) โดยอาการหลักคือ มีน้ำมูก จาม ไข้ต่ำ และเจ็บคอ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจแทรกซ้อนเป็นหลอดลมอักเสบได้ ซึ่งจะทำให้เด็กไอมากขึ้นและมีเสียงแหบ
วิธีการป้องกันให้ดีที่สุด คือหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกะทันหัน เช่น อยู่ในที่กลางแจ้งซึ่งมีอากาศร้อนจัด และเปลี่ยนมาอยู่ในห้องที่เปิดแอร์เย็นจัด รวมถึงควรแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้มีอาการไอจาม
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก เป็นหนึ่งโรคในเด็กเล็กที่มักพบได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) อาการเด่นคือ ไข้ เจ็บคอ และเกิดตุ่มน้ำใสบริเวณปาก มือ และเท้า เด็กอาจรู้สึกเจ็บปากและไม่อยากรับประทานอาหาร
สำหรับวิธีการป้องกัน คือเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีแก่เด็กๆ ด้วยการให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการแบ่งปันอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัว รวมถึงสอนเด็กไม่ใส่มือเข้าปาก
โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV)
RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาการที่พบได้แก่ มีไข้ ไอ น้ำมูก หายใจลำบาก และในบางกรณีอาจแทรกซ้อนเป็นปอดบวมได้
ส่วนวิธีการป้องกัน คือหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ที่มีอาการป่วย ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดพื้นผิวและของเล่นเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในที่แออัด รวมถึงสร้างเสริมสุขอนามัยที่ดี สอนให้เด็กๆ ไม่ใช้สิ่งของ เช่น กระติกน้ำ ช้อน ส้อม ร่วมกับผู้อื่น
โรคเฮอร์แปงไจนา
โรคเฮอร์แปงไจนา เกิดจากไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) เช่นเดียวกับโรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่พบบ่อยในวัยเรียน แต่จะมีแผลเฉพาะในช่องปากเท่านั้น เด็กจะมีไข้สูง เจ็บคอมาก และปฏิเสธการรับประทานอาหาร ซึ่งเสี่ยงที่จะขาดสารอาหารได้
การส่งเสริมให้เด็กๆ รู้จักรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นวิธีป้องกันได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
นอกจากการเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคต่างๆ แล้ว ยังสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ได้ด้วยวิธีเหล่านี้
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้และผักที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง บรอกโคลี อีกทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ปลา ไข่ และนม รวมถึงธัญพืชเต็มเม็ดเพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอ
• เสริมด้วยวิตามิน เช่น วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายของเด็กๆ
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาที อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
• นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 9-10 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
เสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสมองด้วยสารอาหารสำคัญ
การจะปกป้องลูกน้อยจากโรคฮิตในเด็ก และเตรียมความพร้อมสำหรับการไปโรงเรียน เพื่อเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ นอกจากการสร้างสุขอนามัยที่ดีแล้ว ยังควรเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของสารสำคัญที่ช่วยเสริมภูมิกันและยังบำรุงสมอง ซึ่งสารอาหารสำคัญมีดังนี้
สารอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน
• เบตาแคโรทีน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
• วิตามินซี เสริมสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน เพื่อการต่อสู้กับเชื้อโรค
• วิตามินอี มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
• สังกะสี มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
สารอาหารบำรุงสมอง
• DHA และโอเมกา 3 ช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาท
• โคลีน ส่งเสริมความจำและการเรียนรู้
• ธาตุเหล็ก ช่วยส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
• วิตามินบีรวม สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท
เสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสมองของลูกน้อยด้วยวิตามินสำหรับเด็ก บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์
ผลิตภัณฑ์วิตามินเด็ก ที่ผสมสารสกัดเข้มข้นและอุดมด้วยสารอาหารสำคัญเหล่านี้
• สารสกัดจากแบล็คเอลเดอร์เบอร์รี่ (Black Elderberry Extract) อุดมด้วยสารแอนโทไซยานินที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันการติดเชื้อไวรัส ทั้งยังลดระยะเวลาการเจ็บป่วยจากหวัดหรือไข้
• โคลีน (Choline) เป็นสารอาหารสำคัญต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของเด็ก ช่วยส่งเสริมความจำ การเรียนรู้ และการทำงานของสมองในระยะยาว
• สังกะสี (Zinc) มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
การดูแลสุขภาพลูกอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ด้วยวิธีการเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค และอาการเจ็บป่วยรุนแรงให้แก่ลูกน้อยได้
คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปโรงเรียนในทุกๆ วัน เลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์ ที่มาในรูปแบบซองซาเช่ (Sachet) สะดวก พกพาง่าย ฉีกซองทานได้เลย ไม่ต้องตวง ลองเลยวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย
ข้อมูลอ้างอิง
1. เตรียมพร้อมลูกน้อยไปโรงเรียน...โรคในเด็กที่ต้องระวังช่วงเปิดเทอม. สืบค้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.bpk9internationalhospital.com/care_blog/content/Childrens%20diseases%20to%20watch%20out%20for%20during%20the%20school%20term
2. เมื่อลูกน้อยไปโรงเรียน...นี่ล่ะ 5 โรคฮิตที่พ่อแม่ต้องเตรียมรับเลย. สืบค้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.phyathai.com/th/article/1627-__5_preparations__when_your_baby_goes_to_schoolbranchppg?srsltid=AfmBOoo7SMs1e4O9Xr7prJ2QCDR9GQqhw82dxCwTftNN5yobc3QTTHbu
3. เตรียมป้องกัน! 7 โรคระบาดในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก. สืบค้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.synphaet.co.th/srinakarin/7-childhood-diseases/