รวม 4 อาหารที่ช่วยให้หายอ่อนเพลีย กลับมาสดชื่นต้องรับวันใหม่
ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รวมถึงหน้าที่การงานที่รัดตัวจนต้องทำงานหนักมากขึ้น บวกกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ผู้คนในยุคปัจจุบันไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และอาจทำให้ต้องนอนน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ส่งผลให้คุณรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียและรู้สึกไม่สดชื่น ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าการทํางานหนัก นอนไม่พอหรือนอนน้อย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง แต่สำหรับบางคนเลือกเสริมด้วยอาหารเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย แต่เราควรเลือกกินอะไรดี? เพื่อให้ร่างกายของเรากลับมาดูสดชื่น วันนี้ เราได้รวบรวมลิสต์อาหารที่ช่วยให้หายอ่อนเพลีย ไม่ว่าจะเป็นอาหารบำรุงร่างกาย อาหารแก้อ่อนเพลีย หรือสารอาหารบำรุงระบบประสาท ที่สามารถช่วยให้คุณกลับมารู้สึกสดชื่น มีแรงพร้อมต่อสู้กับการทำงานในแต่ละวัน
1. น้ำ
น้ำ ถึงจะไม่ใช่สารอาหารโดยตรง แต่มีความเกี่ยวข้องกับพลังงานในร่างกายและระบบสมองอย่างยิ่ง รู้หรือไม่? ว่าน้ำมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของร่างกาย และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อระบบภายในต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบหมุนเวียนของโลหิต ระบบสมอง ซึ่งการรักษาสมดุลของน้ำภายในร่างกายมีความสำคัญไม่แพ้สารอาหารหลัก 5 หมู่เลยทีเดียว
นอกจากนั้น น้ำ ยังเป็นส่วนสำคัญที่นำพาสารอาหารต่าง ๆ ผ่านกระแสเลือดเข้าสู่กระบวนการการสร้างพลังงาน ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงไปบำรุงสมอง ทำให้เรารู้สึกมีพลังและสดชื่นขึ้นในที่สุด ดังนั้น น้ำจึงมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสมรรถภาพและพละกำลังของร่างกายอย่างมาก หากเราได้รับน้ำสะอาดในปริมาณที่มากเพียงพอต่อร่างกาย ระบบต่าง ๆ ก็จะทำงานได้ดี ความอ่อนเพลียต่าง ๆ ก็จะน้อยลง ทำให้ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมทำงานในแต่ละวันมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งถ้าถามว่าอดนอนกินอะไรบํารุงร่างกายดี? น้ำ คือ หนึ่งในตัวช่วยเพิ่มพลังงานในแต่ละวันที่จะแนะนำมากที่สุด เราควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว หรือประมาณ 2500 มิลลิลิตรและแนะนำให้ดื่มน้ำแร่ (Mineral Water) เพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุภายในร่างกายและป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคตด้วย
2. คาร์โบไฮเดรต
อย่างที่ทราบกันดีว่า คาร์โบไฮเดรต หรือแป้ง เป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่ให้พลังงานสูง จึงเป็นอาหารแก้อ่อนเพลียที่ช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกมีเรี่ยวแรงมากขึ้นหลังจากรับประทานได้ ซึ่งคาร์โบไฮเดรตนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย
- น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรือมอโนแซ็กคาไรด์ (Monosaccharide) เช่น กลูโคส (Glucose) ซึ่งพบมากในอาหารที่มีรสชาติหวาน เช่น น้ำหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และผลไม้ อย่าง กล้วย องุ่น และ ฟรุกโตส (Fructose) ซึ่งพบมากในน้ำผึ้ง ผลไม้ทุกชนิด รวมถึงน้ำตาลที่ใช้ในเครื่องดื่มบางประเภท เป็นต้น
- น้ำตาลโมเลกุลคู่ หรือไดแซ็กคาไรด์ (Disaccharide) เช่น ซูโครส (Sucrose) ซึ่งพบในน้ำตาลทราย หัวบีทรูทและอ้อย รวมถึงมอลโทส (Maltose) และแล็กโทส (Lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบมากในน้ำนม เช่น นมวัว เป็นต้น
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) พบได้ในอาหารจำพวกแป้งเช่น ข้าว ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ รวมถึงเผือก มัน เป็นต้น
ทั้งนี้ คาร์โบไฮเดรตประเภทที่ 1 และ 2 จะเป็นสารอาหารที่ช่วยให้หายอ่อนเพลียและกลับมาสดชื่นได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก ๆ ซึ่งร่างกายจะดูดซึมนำไปใช้ได้ไว และถึงสมองได้เร็วกว่าคาร์โบไฮเดรตประเภทที่ 3 ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการผ่านกระบวนการย่อยหลายขั้นตอนก่อนจะนำไปใช้ได้
แต่ถึงแม้ว่าคาร์โบไฮเดรตจะเป็นสารอาหารแก้อ่อนเพลียได้ก็ตาม แต่เราควรทานในสัดส่วนที่เหมาะสมกับร่างกายของเราเพื่อป้องกันการได้รับพลังงานหรือแคลอรีมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน (Overweight) หรือภาวะอ้วน (Obesity) ตามมาได้ในที่สุด
3. วิตามินรวมแบบเม็ด
นอกจากน้ำและคาร์โบไฮเดรตแล้ว วิตามินรวมแบบเม็ดเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงปลายประสาทและร่างกายที่หาได้ง่ายและสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน เพราะวิตามินรวมแบบเม็ดถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้เราได้วิตามินแบบครบถ้วนในแต่ละวัน
สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มหรือมีภาวะขาดวิตามิน รวมถึงผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ทั้งทํางานหนัก นอนน้อย นอนไม่พอจนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรง แต่ไม่รู้ว่าควรกินอะไรดี วิตามินรวมแบบเม็ดสามารถช่วยให้ร่างกายและสมองได้รับวิตามินที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ส่งผลให้เวลาตื่นรู้สึกสดชื่น สมองแล่นและพร้อมสำหรับการทำงานในทุก ๆ วันมากขึ้น
4. วิตามินรวมแบบเม็ดฟู่ ละลายน้ำ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิตามินรวมแบบเม็ดอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีปัญหาการกลืนหรือมีความยากลำบากในการรับประทานยาหรืออาหารเสริมแบบเม็ด เพราะวิตามินรวมแบบเม็ดนั้น จะถูกคำนวณและออกแบบมาให้มีขนาดเม็ดที่ใหญ่เป็นไปตามสัดส่วนที่ร่างกายต้องการ ดังนั้น ในปัจจุบันนี้จึงมีผู้ที่คิดค้นวิตามินรวมแบบเม็ดฟู่ ละลายน้ำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะ
ซึ่ง วิตามินรวมแบบเม็ดฟู่ ละลายน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงปลายประสาทและร่างกาย เพราะนอกจากจะหาซื้อได้ง่ายและสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตเพราะได้วิตามินแบบครบถ้วนในแต่ละวันแล้ว อีกทั้งยังรับประทานได้ง่ายเพราะใช้วิธีการละลายวิตามินในน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ที่ชอบแล้วดื่มตามปกติ แถมมีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญอร่อยและพลังงานต่ำเนื่องจากใส่สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลจึงไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรีอีกด้วย
ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารแก้อ่อนเพลียแต่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี เราหวังว่าทั้ง 4 ลิสต์ในวันนี้จะช่วยคุณได้ อย่างไรก็ตาม การจะมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงไม่ได้มาจากการทานอาหารที่ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มาจากการนอนที่มีคุณภาพ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ การทานอาหารครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำประกอบกันก็จะเหมาะสมมากที่สุด